Energy Security และ AI เกี่ยวกับการลงทุน Infrastructure อย่างไร

• ธีมลงทุน AI ไม่ใช่เพียงหุ้นกลุ่ม Tech ตัวใหญ่ที่ได้ประโยชน์ แต่หุ้นกลุ่ม Infrastructure อีกหลากหลายประเภท ก็ได้รับประโยชน์เช่นเดียวกัน


• หลายประเทศชั้นนำให้ความสำคัญกับความมั่นคงด้านพลังงาน มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม ซึ่งเป็นอีกตัวช่วยหนุนการลงทุนในกลุ่ม Infrastructure


• K WEALTH คัดกองทุนที่มีหุ้นซึ่งได้รับประโยชน์มาให้ โดยมี 2 ทางเลือก คือ K-GINFRA-A(D) และ PRINCIPAL GIF




ในบทความที่แล้ว https://www.kasikornbank.com/th/kwealth/Pages/a491-t3-hyb-compare-infrastructure-fund-kgth.aspx เราได้แนะนำการลงทุนใน Infrastructure ในเบื้องต้นไป วันนี้เรามาดูปัจจัยที่น่าจะสนับสนุนที่ทำให้ไม่ควรพลาดกองทุนที่แนะนำให้มีไว้ติดพอร์ต พร้อมไปดูตัวอย่างหุ้นในกองทุนที่ได้รับประโยชน์จากปัจจัยดังกล่าว


ธีมลงทุน AI ไม่ใช่เพียงหุ้น Tech ตัวใหญ่… หัวใจสำคัญคือ Infrastructure

นักลงทุนคงได้ยินกันมาเยอะแล้วว่า AI เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้ดีขึ้นอย่างไร แต่มิติหนึ่งที่หลายคนไม่ค่อยพูดถึง คือ การพัฒนา AI นั้นใช้พลังงานค่อนข้างมาก โดยข้อมูลจาก Goldman Sachs คาดการณ์ว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าทั่วโลกจะพุ่งสูงขึ้น เฉพาะจาก Data Center จะเพิ่มขึ้นจาก 1-2% ในปี 2023 เป็น 3-4% ของความต้องการใช้พลังงานทั่วโลกในปี 2030 ทำให้รัฐบาลทั่วโลกต้องกลับมาทบทวนเป้าหมายที่จะลดการใช้พลังงานดั้งเดิมในอีก 10 ปี ข้างหน้า เพราะพลังงานทางเลือก อาทิ Solar Wind เพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถเติมเต็มความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากได้ ด้านพลังงาน Nuclear ก็ต้องรอหลังลงทุนอีก 8-10 ปีถึงจะใช้งานได้ ด้วยเหตุผลนี้โครงสร้างพื้นฐานพลังงานแบบดั้งเดิมจึงยังคงได้รับประโยชน์ในระยะสั้นถึงระยะกลางเป็นอย่างน้อย


นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ตามมาคือโครงสร้างสายส่งไฟฟ้าเดิมที่มีอยู่อาจไม่สามารถรองรับความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นได้ อาจทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าดับในบางช่วงที่ Demand พุ่งสูง ทำให้รัฐบาลทั่วโลกวางแผนเพิ่มงบประมาณลงทุนในส่วนนี้ อีกหนึ่งหัวใจที่สำคัญในการพัฒนา AI คือ โครงสร้างพื้นฐาน 5G หากอ้างอิงจากบทความของ Ericsson บริษัทเทคโนโลยีด้านเทเลคอมสัญชาติสวีเดน ได้กล่าวว่า 5G ไม่ได้มาเติมเต็ม AI แต่ 5G เป็นสิ่งที่ AI ต้องมี ด้วยความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่เพิ่มขึ้นส่งผลบวกต่อ Use Cases ต่างๆที่อาศัยระบบอัตโนมัติและมีส่วนช่วยให้ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพคุ้มค่ากับต้นทุน และเมื่อพูดถึง Data Center อีกมิติหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือ การระบายความร้อนเนื่องจากมีการใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง คำถามที่ตามมาคือจะทำอย่างไรให้น้ำสะอาดและกลับมาใช้ใหม่ได้เพื่อลดต้นทุนและลดการใช้พลังงาน จะเห็นว่ามีโครงสร้างพื้นฐานหลายประเภทที่ได้ประโยชน์ทางอ้อมจาก AI


ภาพที่ 1 คาดการณ์การใช้พลังงานของ Data Center โดยแยกตามส่วนที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับ AI



ที่มา Goldman Sachs – AI/ data centers’ global power surge and the sustainability impact ณ วันที่ 28 เม.ย. 2024



Energy Security หรือความมั่นคงทางพลังงานเป็นอีกหนึ่งปัจจัย

ลองจินตนาการถึงตัวอย่างใกล้ตัวว่าถ้าไฟฟ้าบ้านเราเกิดติดๆดับๆชีวิตเราจะกระทบมากน้อยแค่ไหน โทรศัพท์แบตหมดชาร์จไฟไม่ได้ อดดู Netflix แชทหาใครไม่ได้ ตู้เย็นไม่เย็นของเน่าเสีย เครื่องทำน้ำอุ่นไม่ทำงานช่วงฤดูหนาว และอีกมากมายที่ต้องพึ่งพาพลังงานไฟฟ้า คงไม่มีรัฐบาลในประเทศไหนอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้จนประชาชนออกมาประท้วงกระทบต่อคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง ทั่วโลกกำลังเปลี่ยนผ่านไปใช้พลังงานสะอาดเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ก็จริงแต่ภาครัฐหรือผู้ออกนโยบายก็ต้อง “บาลานซ์” กับประเด็นดังกล่าวเพื่อไม่ให้กระทบต่อชีวิตผู้คนและสร้างความเสียหายให้เศรษฐกิจ


มีคำแนะนำจาก World Economic Forum ว่าความมั่นคงทางพลังงานในที่นี้ต้องรวมไปถึงกระจายแหล่งพลังงานทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือในปี 2022 หลังรัสเซียบุกยูเครน ยุโรปที่พึ่งพาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียต้องเผชิญวิกฤตพลังงาน ประชาชนขาดแคลนพลังงานทำความร้อนช่วงฤดูหนาว ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้นเกิดการประท้วงหยุดงานขอขึ้นค่าแรง ส่งผลต่อเงินเฟ้อ ทางยุโรปต้องเร่งจัดหาพลังงานจากพันธมิตรทั้งสหรัฐฯ แอฟริกา และตะวันออกกลาง รวมถึงเร่งผลักดันนโยบายสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานพลังงานทางเลือกเพื่อพึ่งพาตัวเอง แต่สิ่งนี้กลับไปกระทบอุตสาหกรรมต่างๆในยุโรปทั้งรายเล็กและรายใหญ่ในภาคการผลิตทั้งห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะยานยนต์ที่เป็นหัวใจสำคัญ


นอกจากนี้รัฐบาลประเทศชั้นนำทั้งสหรัฐฯ และยุโรป ต่างตระหนักถึงความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้น สงครามในตะวันออกกลาง ข้อขัดแย้งกับจีนนำมาสู่ประเด็น Deglobalization ผลพวงที่ตามมาคือการตัดสินใจย้ายฐานการผลิตกลับมาใกล้ประเทศแม่ (Nearshoring) ทำให้จะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมตามมา ยกตัวอย่างเช่น เม็กซิโกซึ่งอยู่ติดกับสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ มีแผนที่จะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งรวมไปถึงพลังงานเพื่อรองรับความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศด้วย



รีวิวหุ้นในกองทุน K-GINFRA-A(D) และ PRINCIPAL GIF ที่มีแนวโน้มได้ประโยชน์

เริ่มจากตัวแรก National Grid อยู่ในทั้ง 2 กองทุน บริษัทเป็นผู้ให้บริการขนส่งกระแสไฟฟ้าให้กับทั้งภาคธุรกิจและครัวเรือนรายใหญ่ในสหราชอาณาจักร บริษัทยังมีการลงทุนเพิ่มเติมในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาด Smart Grid และ Cybersecurity เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ โดยอังกฤษก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนจนมีส่วนให้การเลือกตั้งล่าสุดพรรค Labor กลับมาชนะ Conservative ถล่มทลายในรอบ 10 ปี


ตัวที่สอง American Tower อยู่ในกองทุน K-GINFRA-A(D) บริษัทสัญชาติอเมริกันเจ้าของเสาที่ใช้ส่งสัญญาณ 4G และ 5G ให้บริการกว่า 25 ประเทศทั่วโลก มีรายได้หลักจากการให้เช่าพื้นที่บนเสาสัญญาณโทรคมนาคมให้กับผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สาย ได้ประโยชน์จากการเติบโตของการรับส่งข้อมูลบน Smartphone ซึ่งปัจจุบันเร่งตัวขึ้นจากการใช้ Generative AI อย่าง ChatGPT


ตัวถัดมา Enbridge อยู่ในกองทุน K-GINFRA-A(D) บริษัทผู้ให้บริการท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ในอเมริกาเหนือ สัญชาติแคนาดา โดยบริษัทมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งก๊าซธรรมชาติ LNG และพลังงานทางเลือกอย่างไฮโดรเจน ได้รับประโยชน์จากการที่สหรัฐฯ กระจายแหล่งพลังงานออกไปนอกประเทศ


ข้ามมาที่ SNAM หุ้นเด่นตัวแรกใน PRINCIPAL GIF บริษัทสัญชาติอิตาลีให้บริการท่อส่งก๊าซในอิตาลีและประเทศยุโรปอื่นๆ และแอฟริกายาวกว่า 38,000 กิโลเมตร บริษัทมีการลงทุนเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดตามนโยบายของสหภาพยุโรป อาทิ ไฮโดเจน รวมไปถึงการลงทุนในเทคโนโลยี Carbon Capture


และ EXELON อีกหนึ่งตัวจาก PRINCIPAL GIF บริษัทสาธารณูปโภครายใหญ่ของสหรัฐอเมริกาจากชิคาโก มีรายได้จากการส่งก๊าซ การส่งไฟฟ้าและจำหน่ายไฟฟ้า โดยบริษัทได้ทยอยเพิ่มกำลังผลิตพลังงานจากแหล่งทางเลือก อาทิ Solar Wind นอกจากนี้บริษัทกำลังมีแผนลงทุนเพื่อลดภาระของระบบสายส่งไฟฟ้าที่มาจากการชาร์จรถยนต์ EV


ภาพที่ 2 สัดส่วนลงทุนของกองทุนหลัก K-GINFRA-A(D) แยกตามอุตสาหกรรมย่อย




ที่มา Morgan Stanley ณ วันที่ 31 ส.ค. 2024


ภาพที่ 3 สัดส่วนลงทุนของกองทุนหลัก PRINCIPAL GIF แยกตามอุตสาหกรรมย่อย



ที่มา Lazard ณ วันที่ 31 ส.ค. 2024



คำแนะนำการลงทุน

เรายังคงมุมมองเชิงบวกกับการลงทุนใน Infrastructure แม้ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา NAV กองทุนได้ปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้ง K-GINFRA-A(D) และ PRINCIPAL GIF ซึ่งทำผลตอบแทนไปได้ 9.33% และ 3.25% ตามลำดับ (ข้อมูล ณ 30 ส.ค. 2024) โดยนอกเหนือจากปัจจัยหนุนดังกล่าวมาข้างต้น การที่ Fed ตัดสินใจลดดอกเบี้ยทีเดียว 50 bps ทำให้ตลาดเริ่มกังวลเศรษฐกิจถดถอยซึ่งเป็นประโยชน์ต่อกลุ่ม Defensive อย่าง Infrastructure แนะนำนักลงทุนทยอยซื้อสะสม โดยลงทุนไม่เกิน 30% กรณีเลือกลงทุนเพียงกองทุนเดียว หรือหากเลือกลงทั้ง 2 กองทุนแนะนำลงทุนไม่เกิน 15% ต่อกองทุน


สุดท้ายนี้ K WEALTH มีข่าวดีมาบอก วันนี้เราเพิ่มทางเลือกกองทุนของค่ายอื่นอีก 15 บลจ. ให้นักลงทุนได้ช้อปด้วยตนเองผ่าน K PLUS แอพที่ทุกคนมีไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แค่คลิ๊กง่ายๆ ไปที่เมนู Investment หรือลงทุน


* โปรดศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจาก บลจ. กสิกรไทย (KAsset) และบลจ. พรินซิเพิล (Principal)


ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก:




คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH สุกฤษฎิ์ กิตติธนโสภณ
Back to top